คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนสายยาวที่เป็นโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของมนุษย์ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น และหลอดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวหนัง ที่มีส่วนประกอบเป็นคอลลาเจนถึง 75% และคอลลาเจนเป็นโปรตีนปริมาณถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นครับ
คอลลาเจนมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความแข็งและยืดหยุ่นได้ดีแตกต่างกันตามแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบ โดยสามารถแบ่งคอลลาเจนออกเป็น 5 ชนิด ดังนี้
Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนชนิดที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นโครงสร้างให้กับผิวหนัง ผนังหลอดเลือด เส้นเอ็น มีความเหนียวและแข็งแรง ช่วยให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่นและคงรูปร่างได้ ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด ในผิวหนังจะมีคอลลาเจนชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียนครับ
Collagen Type II : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบมากในกระดูกอ่อน เช่น กระดูกอ่อนใบหู กระดูกซี่โครง หลอดลม มีหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงกับข้อต่อต่าง ๆ ขณะที่มีการเคลื่อนไหว ดูดซับแรงกระทบไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ
Collagen Type III : เป็นคอลลาเจนชนิดที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับ Collagen Type I พบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด
Collagen Type IV : เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว พบใน ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ของอวัยวะต่าง ๆ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารระหว่างชั้นเนื้อเยื่อ ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
Collagen Type V : เป็นคอลลาเจนชนิดที่อยู่ในเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ เช่น ในกระจกตา ทำงานร่วมกับคอลลาเจนในผิวหนัง ผม เล็บ และพบมากในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์และรก ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและการเจริญของเส้นใยในชั้นผิว
คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่พบในร่างกาย แต่อัตราการสร้างคอลลาเจนของมนุษย์จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจน 1-1.5% ต่อปีตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี และน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อคอลลาเจนลดน้อยลง จะแสดงออกมาในรูปแบบของผิวหนังที่เริ่มมีริ้วรอย หย่อนคล้อย แห้งกร้าน ไม่กระชับ หากไม่ได้รับการดูแลจะเริ่มเป็นริ้วรอยร่องลึกได้ครับ
สรุปสั้นๆ
การกินคอลลาเจนปริมาณของผลลัพธ์ มันไม่ได้มากเท่ากับการฉีด เพราะการกินคอลลาเจน จะให้ผลลัพธ์ที่ดูไม่ต่างจากการทาสกินแคร์เท่าไหร่ ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น มีความยืดหยุ่นขึ้นได้บ้าง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนใบหน้าคนๆ นึง ให้อ่อนเยาว์ลงได้หลายปี
ในขณะที่หัตถการสายฉีด อย่าง Sculptra ก็สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ ในปริมาณที่มาก มากจนกระทั่งเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่า เช่น ริ้วรอยต่างๆดูลดลง ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น และผิวหนังที่บางลงสามารถหนาตัวขึ้นได้ ช่วยทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงไปได้